HIGHLIGHT :
เพื่อตอบโจทย์การส่งเสริมความรู้ทักษะ ด้านการพัฒนาศักยภาพธุรกิจและนวัตกรรมสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ ซึ่งประเทศไทย มุ่งเน้นให้การสนับสนุนและผลักดันให้ผู้ประกอบการ SMEs และ Startup สามารถเติบโตเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศนั้น ห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ห้องสมุดเฉพาะทางด้านตลาดทุนครบวงจร ที่มีหนังสือและสื่อความรู้ทางด้านการเงินการลงทุนมากที่สุดในประเทศไทย ก็เล็งเห็นความสำคัญนี้เช่นกัน จึงได้เปิดมุมหนังสือใหม่ “Innovative Entrepreneurship” เพื่อเปิดโลกการเรียนรู้ทางด้านผู้ประกอบการและนวัตกรรม มีหนังสือทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ที่เน้นเนื้อหาเพื่อการพัฒนาศักยภาพธุรกิจและนวัตกรรมสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ กว่า 600 เล่ม
บทความนี้ จึงขอหยิบหนังสือที่ห้องสมุดมารวยคัดเลือก มาบอกเล่าและสรุปความน่าสนใจของเนื้อหาในแต่ละเล่ม เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนได้ไปหาอ่านเพิ่มพูนความรู้สำหรับสร้างการเติบโตของธุรกิจ
มาดูกันว่า 10 หนังสือธุรกิจน่าอ่าน..สำหรับผู้ประกอบการมีเล่มไหนบ้าง
เล่มนี้ ผู้เขียนอยากให้คนอ่าน มีทักษะในการคิด เข้าใจโลกธุรกิจ หลีกเลี่ยงไอเดียที่นำไปสู่ความล้มเหลว บอกถึงเครื่องมือและแนวปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ รวมไปถึงกระบวนการคิดที่นำไปสู่ผลลัพธ์ด้านบวก จุดสำคัญคือเน้นให้คนอ่านเข้าใจและนำไปประยุกต์กับสถานการณ์จริงได้
จากประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาให้แก่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ผู้เขียนมองว่า การหลอมรวมวิธีคิด มุมมอง ทักษะ ประสบการณ์ และความขยัน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้ขาดความสำเร็จ เพราะเรื่องเหล่านี้คือ “สัญชาตญาณทางธุรกิจ”
ตัวอย่างเนื้อหาเด่นในหนังสือเล่มนี้
หนังสือเปิดด้วยสิ่งที่หลายๆ คนคิด นั่นก็คือคนทำธุรกิจทุกคนอยากจะรวยและประสบความสำเร็จ แต่เชื่อหรือไม่ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดจะรวยทางลัด ไม่มีการศึกษาหาข้อมูลหรือหาความรู้ในการประกอบธุรกิจเสียก่อน จึงเป็นเหตุให้เกิดความผิดพลาดในการทำธุรกิจ หรือร้ายแรงถึงขั้นทำให้ธุรกิจของตนเองเสียหาย
หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้ยุให้คุณแสวงหาความร่ำรวยเงินทองแบบทั่วไป แต่เป็นหนังสือที่ช่วยชี้แนะแนวทางในการแสวงหาเงินทองอย่างยั่งยืน ด้วยวิธีคิดแบบเถ้าแก่ใหญ่ ที่เชื่อว่า ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติตามและสร้างความสำเร็จได้ด้วยตัวคุณเอง
ในแต่ละบทของหนังสือจะเกี่ยวกับ Mindset ของตัวเราเอง ที่ควรเปลี่ยนเพื่อเป็นเถ้าแก่ใหญ่ และเราต้องรู้จักคู่แข่งให้ดีพอ จึงจะประสบความสำเร็จได้ โดยเนื้อหาบางตอนที่ให้ข้อคิดดีๆ เช่น การคิดแบบเถ้าแก่ไม่ใช่แค่การขายของ แต่คนที่มักประสบความสำเร็จจะคิดว่า “สินค้าของพวกเขามักจะทำประโยชน์ให้กับลูกค้าได้มากน้อยอย่างไร ส่วนการคิดถึงกำไรมักจะมาเป็นอันดับสองเสมอ”
https://www.maruey.com/article/contentinbook/801
จากหนังสือขายดีอันดับ #1 Amazon Business Best Seller "Taylor Pearson" นักธุรกิจชื่อดังผู้ทำธุรกิจมาแล้วทั่วโลก จะมาสอนวิชาที่ไม่มีโรงเรียนไหนสอน คือวิชา "แสวงหาโอกาส" ที่จะเปลี่ยนชีวิตและพลิกชะตาตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มเรียน คุณพร้อมที่จะออกแบบอนาคตและกำหนดชีวิตของคุณเองหรือยัง? คุณพร้อมที่จะกลายเป็นคนที่มีอิสรภาพที่สุดในโลก ร่ำรวยเงินทองยิ่งกว่าใคร และค้นพบความหมายในชีวิตมากเกินจินตนาการหรือยัง?
ตอนเด็กๆ เรามักจะถูกผู้ใหญ่บอกให้ตั้งใจเรียน จะได้งานดีๆ ทำ แต่พอโตขึ้นก็กลับต้องพบว่าสิ่งที่ถูกสอนมาไม่เป็นอย่างที่คิด เรายังเห็นข่าวนักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานบ้าง บริษัททั่วโลกเลย์ออฟพนักงานออกบ้าง คงถึงเวลาแล้วที่เราต้องทบทวนสิ่งเดิมๆ กันเสียที เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง
โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจในเล่มดังนี้
ใบปริญญาเริ่มไร้ความหมาย ในระหว่างปี 1948-2000 ตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราการเกิดของประชากรถึง 1.7 เท่า ในการเติบโตขนาดนี้หมายถึงการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้จบและหาใบปริญญากับประกาศนียบัตรต่างๆ มาการันตีความสามารถก็เพียงพอที่จะหางานทำได้แล้ว ซึ่งคนรุ่นหลังๆ ก็ทำตามเพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจลักษณะนี้จะคงอยู่ตลอดไป แต่โลกกลับเปลี่ยนตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาจำนวนประชากรมากกว่าตำแหน่งงานถึง 2.4 เท่า นั่นเท่ากับว่า “คนเรียนจบมีโอกาสตกงาน” เรื่อยๆ
งานที่อาศัยความรู้ก็จ้างเอาท์ซอร์สได้ เทคโนโลยีกำลังมาแทนที่แรงงานมนุษย์ในหลายๆ อุตสาหกรรม โดยเฉพาะแรงงานในไลน์ผลิต แต่ที่หนักหนากว่านั้นคือ เครื่องมือจักรกลก็เริ่มเข้ามาแทนที่งานที่ต้องใช้ความรู้ด้วย ตัวอย่างเช่น Eventbrite ที่เป็นบริษัทขายตั๋วออนไลน์ใช้ซอฟต์แวร์ดำเนินงานทั้งหมด อย่ารอให้ซอฟต์แวร์มาแทนที่ คุณต้องนำหน้ามันต่างหาก
เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้การลงทุนง่ายขึ้นและปลอดภัยกว่าแต่ก่อน เครื่องมือที่จำเป็นต่างๆ ในการผลิตมีราคาถูกลงและหาซื้อได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งช่วยทั้งในแง่การลดต้นทุน และการขยายช่องทาง
งานประจำไม่ใช่หลักประกันทางการเงินในยุคสมัยใหม่อีกต่อไป สังคมเรากำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของผู้ประกอบการ และจังหวะเวลานี้แหละ ที่เราควรตักตวงจากเทคโนโลยีนำมันไปสร้างงานที่เรารักจริงๆ ถึงเวลาแล้วที่เราควรหันมาพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง
https://www.maruey.com/article/contentinbook/569
คำโปรยของหนังสือเล่มนี้ ได้กล่าวไว้ว่า "คำถามที่ไม่มีวันเก่าในการทำธุรกิจและนำองค์กรจากปรมาจารย์ธุรกิจระดับโลก" แล้ว "ปรมาจารย์ธุรกิจระดับโลก" ในประโยคดังกล่าวหมายถึงใคร
คำตอบนั่น ก็คือ "ปีเตอร์ เอฟ. ดรัคเกอร์" นั่นเอง อย่างที่ทราบกันว่า "ปีเตอร์ เอฟ. ดรัคเกอร์" ได้รับสมญานามว่าเป็น "ปรมาจารย์ด้านบริหารจัดการ" ระดับโลกและเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ร่วมกับผู้บริหารและเหล่ากูรูจากวงการต่างๆ มากมาย อาทิ จิม คอลลินส์, มาร์แชลล์ โกลด์สมิธ, เคลลี โกลด์สมิธ, ไมเคิล แรดปาวาร์, ฟิลิป คอตเลอร์, รากู กฤษณมูรติ, ลุค โอวิงส์, จิม คูเซส, คาสส์ ลาเซโรว์, ไมค์ ลาเซโรว์, นาดิรา ไฮรา ฯลฯ
ซึ่งถ้าหากคุณกำลังเริ่มคิดที่จะสร้างธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่สักแค่ไหน ลึกๆ แล้วคงอยากได้สูตรสำเร็จเพื่อไปสู่เป้าหมาย ซึ่ง "ปีเตอร์ เอฟ. ดรัคเกอร์" ได้กล่าวถึง คำถามที่สำคัญที่สุด 5 ข้อ เพื่อใช้ในการประเมินตนเองก่อนเริ่มทำธุรกิจ
คำถามที่สำคัญที่สุด 5 ข้อ ได้แก่
สรุปหัวข้อในแต่ละบท
1. ภารกิจขององค์กรคุณคืออะไร
2. ใครคือกลุ่มเป้าหมายขององค์กร
3. สิ่งใดที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายคุณพึงพอใจ
4. ผลการดำเนินการเป็นอย่างไร
5. องค์กรมีกลยุทธ์ในการดำเนินงานอย่างไร
เนื้อหาในแต่ละบทจะทิ้งท้ายด้วย "การประยุกต์ใช้แนวคิดนี้ในยุคมิลเลนเนียม" ซึ่งได้ยกตัวอย่างธุรกิจในปัจจุบันเพื่ออธิบายในคำถามแต่ละข้ออีกด้วย
https://www.maruey.com/article/contentinbook/566
หนังสือเล่มนี้ เขียนขึ้นจากประสบการณ์การทำธุรกิจของผู้เขียน ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านไอที เป็นเจ้าของโปรแกรม BaspCamp และ HighRise เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจขนาดเล็ก และใช้โอกาสจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคปัจจุบัน
หากคุณกำลังอยากหาไอเดียในการเปิดธุรกิจ หนังสือเล่มนี้จะให้มุมมองและแนวคิดใหม่ๆ ได้ดีทีเดียว
เนื้อหาแบ่งออกเป็น 10 บทหลักๆ ที่มีความน่าสนใจในแต่ละบทดังนี้
บทที่ 1: ชำแหละธุรกิจ – ถ้าคุณอยากสร้างธุรกิจในยุคนี้ต้องเปลี่ยนแปลงความคิด หรือทัศนคติเดิมๆ อย่าให้ความสำคัญกับการวางแผนธุรกิจในระยะยาวมากเกินไป ควรทำในสิ่งที่จำเป็น และปรับให้เร็วตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้เริ่มต้นธุรกิจ ต้องมีไอเดีย มีความมั่นใจ และมีแรงผลักดัน
บทที่ 2: ออกตัว – ควรคิดทำธุรกิจในสิ่งที่ตัวเอง (ผู้คน) ต้องการใช้ และลงมือทำอย่างรวดเร็ว อย่าปล่อยให้เป็นแค่ไอเดีย เราต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังจะทำอย่างจริงจัง เพราะมันจะเป็นแรงผลักให้เราไม่หยุดเดิน
บทที่ 3: เดินหน้า – สร้างสินค้าบริการต้นแบบที่จำเป็นก่อน โดยเราต้องทดลองให้มีความมั่นใจและเข้าใจสินค้าของเราอย่างแท้จริง เน้นพื้นฐานการทำธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงเรื่องต่างๆ ได้แก่ คุณภาพดี สะดวกในการใช้งาน ราคาเหมาะสม
บทที่ 4: สร้างงาน – หมั่นทบทวนและตั้งคำถามว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ หรือส่งผลให้เกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง เพื่อให้เราไม่หลงทางและเสียเวลาไปกับการทำในสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นอย่างแท้จริง และเมื่อถึงเวลาที่ควรปรับเปลี่ยนก็ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้ (อย่าดันทุรัง)
บทที่ 5: คู่แข่ง – คิดไว้ว่า คู่แข่งคือแหล่งเรียนรู้ ไม่มีธุรกิจใดที่ไม่มีคู่แข่ง ความท้าทายในการทำธุรกิจ คือการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ทั้งต้องโดดเด่น มีความเป็นตัวของตัวเอง พยายามหาช่องว่างให้เจอ เพื่อให้ลูกค้ามาซื้อหรือใช้บริการของเรา
บทที่ 6: เจริญเติบโต – ยิ่งกิจการโตขึ้นยิ่งต้องพัฒนามากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่ต้องรักษาไว้อย่างมั่นคง คือ จุดยืนหรือความเชื่อที่เรามีต่อธุรกิจของเรา แม้การตัดสินใจจะยาก แต่การทำธุรกิจคือการใช้ทักษะการตัดสินใจตลอดเวลา
บทที่ 7: ประชาสัมพันธ์ – นำเสนอข้อมูล เรื่องราวของสินค้าบริการผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย กล้านำเสนอ กล้ารับความคิดเห็นทั้งด้านบวกและลบ ยอมรับโดยไม่ปฏิเสธความผิด ลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ซึ่งสร้างการจดจำได้ดีที่สุด
บทที่ 8: ว่าจ้าง – ก่อนจะว่าจ้าง เราต้องลงมือทำงานทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนเสมอ และจ้างเมื่อจำเป็นจริงๆ เช่นงานมากกว่าคน และหากเป็นตำแหน่งที่ไม่ต้องมานั่งในออฟฟิค ก็ควรจ้างคนที่ทำงานจากที่ไหนก็ได้ หรือแม้แต่ประเทศไหนก็ได้ โดยเน้นที่ประสบการณ์ไม่ใช่คุณวุฒิ
บทที่ 9: ควบคุมความเสียหาย – การทำธุรกิจยังไงก็ย่อมมีข้อผิดพลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการวางแผนป้องกันปัญหา คือ การจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และขอโทษให้เป็น
บทที่ 10: วัฒนธรรม – วัฒนธรรมองค์กรควรเป็นสิ่งที่ต้องวางรากฐานไว้ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ เราต้องการวัฒนธรรมแบบไหน ก็ต้องส่งเสริมในเรื่องนั้นๆ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง คนรุ่นใหม่ต้องการให้แสดงออกถึงความเชื่อมั่น และเคารพวิธีการทำงานของพวกเขา
หนังสือเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ห้องสมุดมารวย นำมาเสนอเพื่ออยากให้ผู้ประกอบการ หรือผู้สนใจอยากทำธุรกิจ มีความรู้ ได้แนวคิดและวิธีการที่จะเป็นประโยชน์ จากการอ่านหนังสือซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่แพงและเข้าถึงได้ง่าย โดยปัจจุบันนี้ ห้องสมุดมารวยมีบริการใหม่ “อยู่ที่ไหนก็ยืมได้” ใครสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดที่ www.maruey.com หรือจะแวะไปเยี่ยมที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก (ติดกับสถานฑูตจีน) เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:30-21:00 น.