การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 นี้ จะก่อให้เกิดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงยิ่งกว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ผ่านๆ มา ทั้งในมิติความเร็ว (ทุกสิ่งเกิดขึ้นในจังหวะก้าวเร็วกว่าเดิมมาก) และในมิติความกว้างและความลึก (มีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผันจำนวนมากเกิดขึ้นพร้อมกัน) ในส่วนผลกระทบต่อการจ้างงานจะเกิดขึ้นเมื่อ
1. มีการนำระบบอัตโนมัติและธุรกิจพลิกผันที่อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่แรงงานทำให้เกิดการว่างงานหรือการโอนย้ายแรงงาน
2. ผลกระทบด้านการลงทุน ซึ่งทำให้เกิดอุปสงค์ของสินค้าและบริการใหม่ๆ นำไปสู่การสร้างอาชีพใหม่ๆ ธุรกิจใหม่ๆ หรือกระทั่งอุตสาหกรรมใหม่ๆ
ผู้เขียนเชื่อว่าผลกระทบของเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่มีต่อตลาดแรงงานมีทั้งทางบวกและลบ
ในทางบวก แรงงานจะปรับตัวได้ แรงงานที่เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่จะหางานใหม่ได้ และเทคโนโลยีจะนำไปสู่ยุคใหม่ที่รุ่งเรือง
ในทางลบ ก็มีผู้ที่อธิบายว่า จะเกิดหายนะทางสังคมและการเมืองจากการว่างงานครั้งใหญ่เนื่องจากเทคโนโลยี ซึ่งผลน่าจะอยู่ระหว่างกลางของสองขั้วนี้
นวัตกรรมทางเทคโนโลยีจะทำลายงานบางส่วนไปเสมอ แต่ก็มักจะสร้างงานใหม่ๆ ในกิจกรรมอื่นๆ หรือในสถานที่อื่นๆ แทนด้วย เศรษฐกิจแอปพลิเคชั่นคือตัวอย่างระบบนิเวศของงานแบบใหม่ ซึ่งเพิ่งเริ่มเมื่อปี 2008 ที่สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล ยอมให้นักพัฒนาโปรแกรมอิสระสร้างแอปพลิเคชั่นสำหรับใช้ในโทรศัพท์ไอโฟน พอถึงกลางปี 2015 เศรษฐกิจแอปพลิเคชั่นก็คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้กว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำหน้าธุรกิจภาพยนตร์ที่เคยรุ่งเรืองมากว่า100 ปี
คำแนะนำก็คือผู้นำทั้งหลายจำเป็นต้องเตรียมคนของตนให้พร้อมและพัฒนาแบบจำลองการเรียนรู้ไว้ใช้ ควบคู่ไปกับจักรกลอัจฉริยะที่เชื่อมโยงอยู่ในระบบซึ่งมีทักษะความสามารถเพิ่มขึ้น ในอนาคตแรงงานอาจไม่ใช่ลูกจ้างในความหมายเดิมอีกต่อไป แต่อาจเป็นแรงงานอิสระที่ทำงานเฉพาะบางอย่างได้ เช่นบางคนขับอูเบอร์ แต่ก็อาจเป็นเจ้าของบ้านแอร์บีเอ็นบี
เป็นต้น